The story of the hairdresser of Pharaoh’s daughter

  Lecturer: Sheikh Billal Asad

Transcription: Ash-Shifaa

 

There was a women called Mashit of Firoun. She was a women who was the hairdresser of Firouns daughter, Pharaoh who said, I did not know any god but me, and Mashit of Firoun, this hairdresser, she had embraced Islam in secret.

And when she was combing the hair of the daughter of pharaoh the king, one who said that he is god, the comb fell to the ground and then she automatically sub consciously picked up the comb, and said, Bismillah, in the name of Allah.

And this Mashit of Firoun this hairdresser had five children and one of them was still breast feeding.

And then the daughter of Firoun said, Allah Abi, are you saying Allah my father?

And she said, “No! Allah, the god of your father and yourself and me”

And she became angry, she went to her father and said to him: “Father, this woman worships another god besides you”

He said: “What? She knows another god besides me, who is that? Call her to me”

And they called her to him, and she came and stood, a woman, a women brothers and sisters in front of this great Pharaoh.

And he said to her, “Who is your god?”

And she said, “Allah is my lord”.

He said “Who is Allah?”

She said “Allah is my God and yours”.

Yes, she was cornered and put in a place, when she had to answer, she answered. This how the state of the Mumin in the past and present are,when they said, “Allah is my lord”, they were tortured.

But we don’t care. Because we know what were heading towards. We know who are Lord is and we say what we believe, were not liars.

She said “Allah, Allah is my lord and yours”.

And they said “What? Bring the chains!”

They brought the chains, they begun to punish her and whip her.

“Who is your lord?” and she will say “Allah is my lord and yours”.

And so he ordered for them to bring a large container and he spilt boiling oil in to this container, large container like a swimming pool, and then he said, bring me all her children!

And they brought them one by one and he said “Worship me, I am your lord”.

She said, “Never!..”

So he brought her first son and he threw him in to the oil, in front of her eyes, his meat and his flesh fell of his body and his bone disintegrated,

And then they brought her next son and she was firm, “Allahu Akbar!”

They burnt him; she could not stop them, and then her third and then her fourth

And finally her fifth, he was on her arm, and she was about to pull back, she was about to pull back in front of the eyes of all the people. And when all of a sudden and this is the Hadis of the prophet Muhammad (SAW), He said, all of a sudden, Allah (SWT) from above seven skies made her child speak while he was in the cradle,

He said: “Be patient my mother, you are in the truth, Allah Allah has promised you with a great heaven, keep going mother”.

And then they threw her son in to the boiling oil and she was next. She knew that she was going to die, and then she begun to cry.

And Pharaoh said, “Why are you crying?Stop!”

And she said, “I was crying because I want to ask you to do something for me, and I don’t know if you’re going to do it”

He said, “Ask me for whatever you’d like”

She said, “Once you throw me in to the oil, then I want you to gather whatever is remaining of our bodies and I want you to bury us together in the same grave, because I want to be resurrected with my children and I want to go to Jannah with my children”

 

Remark:

It is clear that this story is Saheeh because there is a hadith about this story.

It was narrated that Ibn ‘Abbaas (may Allaah be pleased with him) said:  The Messenger of Allaah (peace and blessings of Allaah be upon him) said: “On the night on which I was taken on the Night Journey (Isra’), a beautiful fragrance came to me.  I said: O Jibreel, what is this beautiful fragrance? He said: This is the fragrance of the hairdresser of Pharaoh’s daughter and her children. I said: What is their story? He said: Whilst she was combing the hair of Pharaoh’s daughter one day, the iron comb fell from her hand and she said, ‘Bismillaah (in the name of Allaah).’ The daughter of Pharaoh said: ‘My father?’ She said: ‘No. My Lord and the Lord of your father is Allaah.’ She said: ‘I will tell him about that.’ She said: ‘Yes.’ So she told him and he summoned her and said: ‘O So and so, do you have a Lord other than me?’ She said: ‘Yes, my Lord and your Lord is Allaah.’ He ordered that a baqarah (lit. “cow”) made of copper be heated up, then he ordered that she and her children be thrown into it. She said: ‘I have a request to make of you.’ He said: ‘What is your request?’ She said: ‘I would like my bones and my children’s bones to be gathered together in one cloth and buried.’ He said: ‘This will be done for you.’ He ordered that her children be thrown into it in front of her, one by one, until they came to the last one who was an infant boy who was still being breastfed. It was as if she wavered because of him, but he said: ‘O mother, go ahead, for the punishment of this world is easier to bear than the punishment of the hereafter.’ So she went ahead.” Ibn ‘Abbaas (may Allaah be pleased with him) said: Four infants spoke: ‘Eesa ibn Maryam (peace be upon him), the companion of Jurayj, the witness of Yoosuf and the son of the hairdresser of Pharaoh’s daughter. 

Narrated by Imam Ahmad in al-Musnad (1/309), al-Tabaraani (12280), Ibn Hibbaan (2903) and al-Haakim (2/496). 

Reference http://www.islam-qa.com/en/ref/39678

คำแปลบางส่วนจากหะดีษข้างต้นเกี่ยวกับนางมาชีเตาะห์ (คนรับใช้ของฟิรเอาน์)

ท่านร่อซูลุลลอฮ์ ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม ในคืนอิสรออฺ ได้แลเห็นถึงความผาสุขของนางมาชีเตาะห์ ซึ่งได้เล่าให้แก่บรรดาเศาะหาบะห์ฟังความว่า 

 “เมื่อฉันได้ถูกนำพาสู่อิสรออฺและเมี๊ยะรอจได้มีกลิ่นหอมอบอวลผ่านมายังฉัน ฉันก็ได้ถามท่านญิบริ้ลขึ้นว่านี่คือกลิ่นอะไรกัน ท่านญิบริลจึงมีคำตอบแก่ฉันว่า นี่คือกลิ่นหอมของมาชีเตาะห์และลูกๆของนาง”

พื้นความรู้เกี่ยวกับเรื่องนี้

นางมาชีเตาะห์ คือชื่อของหญิงคนหนึ่งที่มีความอีหม่าน นางดำรงชีวิตกับครอบครัวของนาง ภายใต้การปกครองของฟาโรห์ ซึ่งอ้างตัวเองเป็นพระเจ้าที่บังคับให้ผู้คนเคารพบูชา สามีของนางเป็นคนใกล้ชิดของฟาโรห์ (ฟิรเอาน์) และนางเป็นคนรับใช้และเป็นผู้ดูแลบุตรสาวของฟาโรห์

อัลลอฮ์ตะอาลาได้ทรงประทานความแน่นแฟ้นแห่งความศรัทธาเหนือสามีของนางและตัวของนา จนกระทั่ง ฟาโรห์ทราบว่าสามีนางอีหม่านต่ออัลลอฮ์จึงได้ฆ่าสามีของนาง ส่วนตัวของนางยังคงทำหน้าที่เป็นคนรับใช้และหวีผมให้แก่บุตรสาวของฟาโรห์ พร้อมยังคงเลี้ยงดูลูกๆของนางอีก 5 คน

ใจความสำคัญ

มีหญิงคนหนึ่ง ซึ่งเป็นคนรับใช้ของฟิรเอาน์มีนามว่า “มะชีเตาะห์” เธอเป็นหญิงรับใช้ที่ทำหน้าที่แต่งผมให้กับลูกสาวของฟิรเอาน์

ฟาโรห์คือฟาโรห์คนเดียวกันกับคนที่พูดว่า “ฉันไม่รับรู้ว่ามีพระเจ้าอื่นใดนอกจากฉัน” และนางมะชีเตาะห์คนแต่งผมให้กับลูกสาวของฟิรเอาน์คนนี้ นางรับอิสลามอย่างลับๆ

และในขณะที่กำลังหวีผมให้บุตรสาวของฟิรเอาน์หรือกษัตริย์ที่กล่าวอ้างว่าตัวเองเป็นพระเจ้านั้น หวีก็ได้ร่วงหล่นลงบนพื้น นางก็รีบหยิบหวีที่ร่วงหล่นอันนั้นขึ้นทันที พร้อมกับกล่าวว่า “บิสมิลละห์” (ด้วยพระนามแห่งอัลลอฮฺ) และมะชีเตาะห์คนแต่งผมให้บุตรสาวฟิรเอาน์นี้มีบุตรจำนวน 5 คนและมีอยู่คนหนึ่งที่ยังไม่ได้หย่านม

และบุตรสาวของฟิรเอาน์กล่าวว่า “อัลลอฮฺ พ่อของฉัน เธอกำลังกล่าวว่าอัลลอฮฺคือพ่อของฉันใช่ไหม”

และนางกล่าวว่า “หามิได้ อัลลอฮฺคือพระเจ้าของบิดาของท่าน พระเจ้าของตัวท่าน และเป็นพระเจ้าของฉัน” และบุตรสาวฟิรเอาน์ก็มีอาการโกรธขึ้นมา และก็นำเรื่องนี้ไปฟ้องบิดาของเธอ

“พ่อจ๋า มีผู้หญิงคนหนึ่งเคารพกราบไหว้พระเจ้าองค์อื่นที่ไม่ใช่พ่อด้วยล่ะ”

ฟิรเอาน์กล่าวว่า “อะไรนะ นางรู้จักพระเจ้าองค์อื่นนอกจากฉันด้วยหรือ เขาเป็นใครกันไปนำตัวของนางมา”

นางจึงถูกนำตัวมาพบกับฟิรเอาน์ นางเป็นแค่ผู้หญิงเองนะพี่น้องที่มายืนต่อหน้าฟิรเอาน์ผู้ยิ่งใหญ่คนนี้

และฟิรเอาน์ก็ถามนางมะชีเตาะห์ว่า “ใครคือพระเจ้าของเจ้า”

และนางมะชีเตาะห์ก็ตอบว่า “อัลลอฮฺคือพระเจ้าของฉัน”

ฟิรเอาน์ถามว่า “ใครคืออัลลอฮฺ”

นางมะชีเตาะห์ตอบว่า ” อัลลอฮฺคือพระเจ้าของฉันและเป็นพระเจ้าของท่าน” ใช่แล้วล่ะ นางตกอยู่ในสถานการณ์ที่ลำบากเมื่อต้องตอบไปแบบนั้น

จากสิ่งที่นางตอบ นี่คือลักษณะของมุอฺมินในอดีตและในปัจจุบันที่พวกเขาเป็นเมื่อพวกเขากล่าวว่า “อัลลอฮฺคือพระเจ้าของฉัน” พวกเขาจะถูกทำโทษและทรมาน แต่ว่าพวกเราไม่กลัว เพราะว่าเรารู้ว่าอะไรคือสิ่งที่เรามุ่งหน้าไป เรารู้ว่าใครคือพระเจ้าและเราพูดในสิ่งทีเราเชื่อ (ศรัทธา) และมิได้กล่าวเท็จแต่อย่างใด

จากสิ่งที่นางมะชิเตาะห์กล่าวว่า “อัลลอฮฺ คือพระเจ้าของฉันและเป็นพระเจ้าของท่าน” และพวกเขาพากันกล่าวว่า “อะไรนะ จงเอาโซ่ตรวนมา” ทหารได้นำโซ่ตรวนมาล่ามเธอ และทำโทษด้วยการเฆี่ยนตี (โบย)

และนางก็ถูกถามซ้ำๆว่า “ใครเป็นพระเจ้าของเจ้า”

และนางก็ตอบว่า “อัลลอฮฺคือพระเจ้าของฉันและเป็นพระเจ้าของท่าน”

ดังนั้นฟิรเอาน์ก็ได้สั่งให้ทหารนำภาชนะขนาดใหญ่ที่บรรจุน้ำมันตั้งบนกองไฟจนเดือดจัด ภาชนะนั้นมีขนาดใหญ่ราวสระว่ายน้ำ และฟิรเอาน์ก็พูดว่า “ไปนำลูกๆของนางมาเดี๋ยวนี้” และทหารนำลูกๆของนางมาทีละคนและฟิรเอาน์กล่าวว่า “จงนมัสการกราบไหว้ต่อข้า เพราะข้าคือพระเจ้าของเจ้า”

นางกล่าว่า “ไม่” (อย่างเด็ดขาด) แล้วทหารจับลูกชายคนโตโยนลงในภาชนะที่มีน้ำมันเดือดพล่านไปต่อหน้าต่อตาของนาง

จนกระทั่งเนื้อของลูกชายที่อยู่ในหม้อน้ำมันที่เดือดหลอมละลายและกระดูกแตกหลุดออกเป็นชิ้นๆและทหารก็นำลูกชายคนถัดไปออกมานางกล่าวอย่างมั่นคงว่า “อัลลอฮุอักบัรฺ” พวกเขากระทำกับลูกของนางคนแล้วคนเล่าและนางไม่อาจหยุดพวกเขาไว้ได้ จนถึงลูกคนที่สามและลูกคนที่สี่ด้วยเช่นกัน

และมาถึงคนสุดท้ายคือคนที่ห้า ที่ยังอยู่ในอ้อมแขนของนาง (ที่กำลังดื่มนมของนาง) ทำให้นางต้องหยุดไปชั่วขณะ ดูเหมือนนางเริ่มจะถอยกลับต่อหน้าผู้คนเหล่านั้น

และในทันใดนั้น สิ่งนี้ได้ถูกกล่าวไว้ในอัลหะดีษของท่านรอซูลุลลอฮฺ ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮวะซัลลัม ท่านกล่าวว่าทันใดนั้นอัลลอฮฺที่อยู่เหนือชั้นฟ้าทั้งเจ็ดนั้น ทำให้ลูกของนางที่ยังแบเบาะพูดได้

ทารกน้อยได้กล่าวว่า “จงอดทนเถิดแม่จ๋า แม่ได้ยืนหยัดอยู่บนความถูกต้อง และอัลลอฮฺได้ทรงสัญญาไว้ซึ่งสวรรค์อันยิ่งใหญ่ จงทำต่อไปเถิด”

แล้วทหารก็ได้โยนทารกน้อยลงสู่ภาชนะที่บรรจุน้ำมันเดือดทันที และนางจะเป็นรายต่อไป และเมื่อนางรู้ว่านางจะต้องตายและนางก็เริ่มร้องไห้และฟิรเอาน์ก็ถามว่า “เจ้าร้องไห้ทำไม จงเงียบเดี๋ยวนี้”

และนางตอบว่า “ที่ฉันร้องไห้เพราะว่าฉันต้องการขออะไรบางอย่างจากท่านและไม่รู้ว่าท่านจะให้ได้หรือไม่” ฟิรเอาน์ตอบว่า “จงขอจากฉัน อะไรที่เจ้าอยากจะได้”

นางพูดว่า “ทันทีที่ท่านโยนฉันลงไปในน้ำมันเดือด ให้ท่านเก็บซากที่เหลือของฉันและของลูกๆของฉัน และขอให้ท่านเอากระดูกของฉันและกระดูกของลูกๆของฉันรวมกันและฝังมันในหลุมเดียวกัน เพราะฉันต้องการฟื้นคืนชีพพร้อมกับลูกๆและฉันต้องการอยู่ในสวรรค์พร้อมกันกับลูกๆของฉัน”